........................ผู้หญิงคนหนึ่ง มีลักษณะผมยาว ตากลมโต ส่วนสูงประมาณ 168 ซม. สีผิวนวลสวยดั่งกับราวน้ำผึ้งอันบริสุทธิ์ ใส่่เสื้อผ้าเป็นเดรสสีขาวลายลูกไม้ บ่งบอกความสงบ เรียบร้อย นุ่มนวล แฝงความหนักแน่น แข็งแกร่าง ซึ่งเเสดงความเป็นตัวเธออย่างเห็นได้ชัด
เธอยืนมองบ้านหลังหนึ่ง โครงสร้างเป็นบ้านแบบยุโรป กลิ่นอายความเป้นจีนเล็กน้อย เธอยืนมองอยู่ที่นี่ได้ซักพักหนึ่ง เธอสูดหายใจเข้าออก เฮือกใหญ่ คิดถึงเรื่องดีๆเมื่อเจ็ดปีก่อน ทำไมเธอถึงแต่ได้คิดอยู่แต่กับเรื่องนี้ ก่อนที่จะหันไปยันต้นเสียงที่กำลังเรียกเธออยู่
''เยอึน!!!!'' ฉันหันมองไปที่ต้นเสียงทันทีที่ได้ยิน 'กาอิน' วิ่งมาหาฉันอย่างรีบร้อน
''เธอมาทำอะไรที่นี่หล่ะ บ้านหลังนี้ไม่มีใครอยู่มาเป็น7-8ปีได้แล้วนะ''ด้วยความช่างสงสัยเเละสัญชาตญาณความเป็นเพื่อนของกาอินถามฉันอย่างอัตโนมัต
''ปล่าวหรอก ฉันแค่มาสูดอากาศ เดินเล่นผ่านแถวนี้เท่านั้นแหละ''
''อืม..จะว่าไป เธอก็ยังไม่ลืมเด็กคนนั้นใช่มั้ย เฮ้อ..เพื่อนฉัน มันก็เป็น puppy love อย่าไปยึดติดอะไรมันมากเลย''เพื่อนตัวดีของฉันตัดพ้อเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องสำหรับเธอออกไป เหมือนจะเตือนให้ฉันอยู่กัยความจริง
''ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมฉันจึงเก็บเรื่องนี้ไว้คิดอยู่เรื่อย ซึ่งมันเป็นแค่รักลูกหมาๆ เอ้อ!!งานเริ่มหรือยัง??''
''นี่แหละที่ฉันจะมาบอกเธองานเขาจะเริ่มอยู่แล้ว ไปที่โบสถ์กันเถอะ''ว่าแล้ว กาอิน เพื่อนรักของฉันก็จูงข้อมือเล็กๆเรียวๆของฉันไปที่โบสถ์ทันที
ดิฉันและกาอิน เกิดในหมู้บ่านแห่งนี้เติบโตกับป่า เขา แม่น้ำ และทะเล นับว่าเป็นบ้านที่น่าอยู่ อบอุ่น มีเพรียบพร้อมทุกอย่าง กลับมาคราวนี้ฉันอยากจะกอดแม่นานๆเพราะ ยุ่งกับการทำงาน อยู่แต่กับ หนังสือ ปากกา คอมพิวเตอร์ อ้อ!!ลืมบอกไป..ฉันเป็นนักเขียนค่ะ ส่วนเพื่อนแสบของฉันเป็นนักข่าวเศรษฐกิจ ด้วยท่าทางคล่องแคล่ว ดูดี ทำให้เธอดูมีเสน่ห์มากกว่าฉันเสียอีก
วันนี้เป็นวันแต่งงานของลูกสาวเพื่อนของคุณพ่อ โบสถ์แห่งนี้ ถูกจัดสร้างขึ้นด้วยดอกไม้นานาชนิดประดับประดาไปทั่วงาน กลิ่นอายของความเป็นยุโรปแทรกมาหน่อย ฉันและกาอินเดินผ่านซุ้มประตูดอกไม้ที่โค้งได้รูป ฉันมองไปรอบๆงาน มีแขกมากมายมาที่งาน มีอาหารพื้นบ้านบวกกับอาหารยุโรป ของหวานน่ารักๆ วางบนที่โต๊ะยาวปูผ้าด้วยสีขาวบริสุทธิ์ จากนั้นดิฉันก็เดินไปหาคุณแม่ พร้อมกับเข้าไปดผกอดท่าน
''อุ้ย!!! ทำอะไรนี่!! โตแล้วนะเยอึน'' คุณแม่บอกด้วยน้ำเสียงตกใจเล็กน้อย
''ก็ฉันเคิดถึงคุณแม่หนิคะ อยากกอดแม่นานๆ''
''จะมาอยู่นานเท่าไรหล่ะลูก''ท่านถามฉันด้วยความเอ็นดู
''น่าจะ2-3อาทิตย์ค่ะ จะกลัยพร้อมกับยัยกาอินเลย''
''อ้อ ดีเลย!!มานี่มา แม่จะพาไปรู้จักกับ'อิม ชินกิ' ''
''อ๊ะ!! เดี๋ยวสิคะคุณแม่!!''
พอท่านพูดจบ ท่านก็จูงมือดิฉันเข้าไปที่หน้าประตูโบสถ์ทันทีโดยไม่ถามสุขภาพ(?)ฉันเลย = =
ทำไมชื่อนี้ดูคุ้นๆจัง.....
ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าโบสถ์ กำลังสนทนากับผู้ใหญ่ของงาน รูปร่างสูงโปร่งอยู่ในชุดสูทสีเทา บ่งบอกถึงความสุภาพเรียบร้อย ดูดี มีตระกูล ผมของเขาถูกจัดทรงเป็นอย่างดี ผิวพรรณดีราวกับน้ำนม คงทำให้ผู้หญิงหลายๆคนในงานนี้สนใจเขาไม่ใช่น้อย เขาสนทนากับผู้ใหญ่ของงานแล้วละสายตามาที่ฉันกับแม่ที่ตรงมาหาเขา
''อ้าว! คุณน้าอึนฮเย สวัสดีครับ''เขาโค้งหัวเพื่อแสดงความเคารพผู้ที่อาวุโสกว่า
''สวัสดีจ่ะพ่อหนุ่ม เป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหม คุณพ่อคุณแม่สบายดีไหม ธุรกิจราบรื่นดีไหม?? มาจากโซลได้กี่วันแล้วหล่ะ''
''พ่อแม่สบายดีครับ งานราบรื่นดีครับ เพิ่งมาได้สองสามวันแล้วครับ ดอกไม้ของคุณน้าเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้ามากๆเลยครับ สงสัยคงต้องเป็นเจ้าประจำแล้วมั้งครับ 555''
''55555 ยินดีจ่ะ น้าจะคัดเลือกดอกไม้พันธุ์ดีๆมาส่งให้เธอเลย น่ารักจริงๆ''คุณแม่กับผู้ชายคนนี้คนนี้รู้จักกันตั้งแต่เมื่อไร ทำไมดูสนิทสนมกันมาก เป็นกันเองมาก อา...น่ารักจัง
''อ้ะ!! ลืมไปเลย55 นี่ 'คิม เยอึน'ลูกสาวของน้าเองจ่ะ ทำงานเป็นนักเขียนอยู่ที่โซล เพิ่งกลับมาเมื่อวานเอง'' คุณแม่แนะนำฉันให้กับ อิม ชินกิ โดยไม่ให้ฉันพูดจา อ้าปากเลย = =
''สะ..สวัสดีค่ะ....คุณชินกิ''ฉันมองหน้าเขาและกล่าวทักทายเขาก่อน ทำไมฉันเขินอย่างแปลกๆ
''.............สวัสดีครับ..เยอึน..'' เขาพูดทักทายฉันกลับ ใบหน้าของเขาจับจ้องที่หน้าใบหน้าของฉัน เราสองคนจ้องหน้าซึ่งกันและกัน ด้วยใบหน้าที่คงรูป สันจมูกโด่งสวยของเขานั้นทำให้ฉัน..นึกถึงเด็กผู้ชายที่อยู่ในความคิดของฉัน รู้สึกดีใจขึ้นมาเฉยๆ
''โอ้! นี่ก็ได้เวลาเข้าโบถส์แล้ว เข้าโบสถ์กันเถอะ เดี๋ยวเสียพิธี'' คุณแม่กล่าวแล้วมือของท่านทั้งสองจับมือของฉันและคุณชินกิไว้ แล้วเดินเจ้าโบสถ์ไปด้วยกัน
พิธีแต่งงานในวันนี้เแป็นไปอย่างราบรื่นตามพระประสงค์ของพระเจ้า ฉันมานั่งอยู่ที่ชิงช้าใต้ต้นไม้ใหญ่ท้ายหมู่บ้าน ความสงบ....เสียงของใบไม้เสียดสีกับสายลม..มันทำให้ฉันสุขใจทุกครั้งที่ได้นั่งที่นี่ นึกถึงที่ฉันเล่นกับคนนั้น ฉันหยิบสร้อยที่ห้อยคอฉันไว้ เป็นสร้อยรูปดวงดาวทำจากเงิน มันเป็นสิ่งที่เขาให้ก่อนที่เขาจะจากฉันไปเมื่อ 7 ปี ก่อน โดยที่เรายังไม่รู้จักชื่อกันเลย โอ๊ยๆๆๆๆๆ ฉันปล่อยตัวเองให้คิดเรื่องซ้ำไปซ้ำมา ฉันจึงส่ายหัวนิดๆเพื่อไล่ความคิดนั้นออกไปซะที ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของฉันก็สั่นขึ้นทำให้สติของฉันกลับคืนมา ฉันจึงหยิบออกมาดู อา...ยัยเพื่อนแสบของฉันโทรมา....พอดิฉันกดรับสาย ยัยนั่นก็เริ่มบทสนทนาทันที
''ไงเธอ!! ตอนนี้เธออยู่ไหน ทำอะไรอยู่ ฉันหาเธอไม่เจอเลย พองานเลิกเธอก็หายวับอย่างกับนินจา พอถามคุณน้าอึนฮเยท่านก็บอกว่าไม่รู้ ไปที่บ้าน ทะเลสาบก็ไม่เจอ แล้ว.....''
''โอ๊ยๆๆๆ เธออย่าถามฉันเป็นชุดอย่างนี้ได้ไหม ฉันจะตอบเธอทีละข้อแล้วกัน ข้อที่หนึ่ง ฉันตอนนี้ฉันอยู่ที่ชิงช้าหลังหมู่บ้าน ข้อที่สองนั่งแกว่งชิงช้าคนเดียว ข้อที่สามฉันเดินเล่นไปทั่วหมู่บ้านแหละ จบจ่ะ''
''โอ้โห ตอบเป็นวรรคเป็นเวนเชียว แม่นักเขียน555....เออนี่!!เยอึน ผู้ช้ายที่ใส่สูทสีเทาอะ หล่อดีนะ ท่าทางเขาคงสนใจเธอนะ''
''มากไปอะเธอ เขาเนี่ยนะจะสนใจฉัน เขาเพิ่งมาจากโซล ท่าทางจะเป็นลูกคนใหญ่คนโต เขาจะมาสนใจนักเขียนบ้านนอกอย่างฉันทำไมกัน''
''อืม..ไม่แน่นะ55555 แล้วเห็นเธอกับคุณน้ายืนคุยกะเขาอยู่ เขาชื่ออะไรอะ??''
''อืม..อิม ชินกิ''
''.........ชื่อคุ้นๆนะ แต่ช่างเถอะฉันจะโทรมาบอกว่า ฉันจะกลับโซลก่อน เพราะหัวหน้าโทรจิกฉันให้กลับไปกับสรุ๊ปข่าวด่วน ฉันขอโทษนะที่ไม่ได้กลับไปพร้อมกับเธอ''
''อืม...ไม่เป็นไร ไปเถอะ โชคดีนะ พระเจ้าอวยพร..''
''รับทราบ!!'' กาอินว่าเสร็จฉันก็กดวางสายทันที
7 ปี ก่อน............
''เธอๆๆ!!!!'' เสียงเด็กผู้ชายคนหนึ่ง มีรูปร่างสูง ตากลมโต สัดส่วนสมส่วน จมูกคงรูปกับตาและปาก ผิวพรรณนวล กำลังวิ่งมาและหยุดลงที่ชิงช้าต้นไม้ใหญ่หลังบ้าน พร้อมตะโกนเสียงเพื่อเรียกใครซักคน มีรูปร่างสูง ตากลมโต สัดส่วนสมส่วน จมูกคงรูปกับตาและปาก ผิวพรรณนวล
ฉันหาไปมองรอบๆ..ก็มีตัวฉันอยู่คนเดียวนี่หน่า
''ฉันเรียกเธอนั่นแหละ เธอทำสร้อยตกหรือปล่าว??'' เขาถามฉันพร้อมกับชูสร้อยรูปดวงดาวขึ้นมา
ฉันตรวจสอบรอบๆคอของฉัน อา.... ให้ตายสิ!! ทำไมฉันถึงสับเพร่าอย่างนี้ ตัวเองทำหล่นแท้ๆยังให้คนอื่นนำมาให้อีก อายจัง... ฉันรับสร้อยเส้นนั้นมาพร้อมกล่าวขอบคุณเขา
''..ขะ..ขอบคุณนะ''
''เธอมีสร้อยเหมือนกับฉันเลย บังเอิญจังเลยนะ 55555''เขาล้วงสร้องมาให้ฉันดู เพื่อเป็นการแสดงว่าเขาไม่ได้พูดโกหก
''..จริงด้วย..บังเอิญจังนะ ^ ^'' ด้วยความที่ฉันอายในการกระทำของตัวเอง จึงเดินออกไป....แต่มือของอีกคนรั่้งฉันไว้ ฉันหันกลับมาด้วยความสงสัย
''เดี๋ยวก่อนสิ.... เธอ..มาที่นี่ทุกเย็นเลยหรอ'' เขาถามฉัน
''ใช่..ฉันชอบมาที่นี่ อากาศดี สงบ''ฉันตอบเขา พร้อมยิ้มให้ยิ้มอย่างเป็นมิตร
''อืม.... เราเป็นเพื่อนกัน...จะได้หรือปล่าว??''
''หา?.ดะ..ได้สิ...เรามาเป็นเพื่อนกันนะ ^ ^ '' ฉันตอบเขา ในตอนนั้นฉันรู้สึกดีอย่างบอกที่ถูก แต่ก็ยินดี ที่ได้เป็นเพื่อนกับเขา เราได้เล่นด้วยกันที่นี่ หัวเราะด้วยกันที่นี่ เวลามีปัญหาเราก็เป็นที่ปรึกษาซึ่งกันและกัน โดนที่ไม่รู้ว่า เขามาจากไหน ชื่ออะไร ทำไมจึงมาที่นี่ ความรู้ดีแบบนี้ที่ติดจนโต....ฉันยังจำมันจนโต..........
จนวันหนึ่ง ฉันรอเจอเขาที่ชิงช้าเหมือนเดิม แต่คราวนี้กลับไม่เจอเขา ฉันรอเขา..แต่ไม่มีวี่แววว่าเขาจะมาเลย..จนตกเย็น ฉันตัดสินใจจะกลับบ้าน แต่สายตาของฉัน เหลือบไปเห็นกระดาษสีขาวแผ่นหนึง่ที่วางให้บนโขดหินสลักลายข้างต้นไม้ ฉันหยิบเจ้ากระดาษแผ่นนี้พร้อมเปิดออกมาอ่าน
' ถึงเธอ ดวงดาว(เขาเรียกฉันว่าดวงดาว)
เธอคงรอฉัน แต่จากนี้..เธอคงไม่ต้องฉันแล้วนะ ฉันขอบคุณ.สำหรับทุกๆอย่าง ที่เป็นเพื่อนฉัน คอยปลอบใจฉัน คอยเล่นกับฉัน ตลอดจนวันที่ฉันอยู่ที่นี่เป็นวันสุดท้าย ฉันเสียใจ ที่ไม่ได้มาบอกเธอตรงๆฉันรู้สึกดีกับเธอมาก ฉันอยากให้เราสองคน....เก็บความรู้สึกดีๆแบบนี้ไป..ได้ไหม...ฉันสัญญา..ฉันจะกลับมาที่นี่อีกครั้งนึง..ลาก่อน..
ฉัน'
ฉันยืนอ่านข้อความบนกระดาษ น้ำตาบนแก้มใสๆของฉันห่ลนหยดลงไปที่แผ่นกระดาษ ฉันไม่ได้ร้องไห้ที่เขาจากฉันไป.....แต่ฉันสับสนกัยตัวเองมากกว่า ว่าความรู้สึกที่เราสองคนมีให้กัน..มันคืออย่างไหนกันแน่.....แล้ว.........
ถ้าฉันจะรอนาย......มันจะผิดมั้ย???
------------------------------------------------------------------
ฉันนึกย้อนไปเมื่อตอนนี้ มันทำให้ฉันไม่กล้ามองคนอื่นเลย นั่งยังคงนั่งอยู่ที่นั่นทุกเย็น....จนกระทั่งฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยในโซลได้ ทำงานที่โซล เวลาฉันแต่งนิยาย ฉันมักจะนึกถึงเขาอยู่เสมอ ทำให้อดยิ้มไม่ได้ที่มีความคิดเป็นเด็กอยู่เรื่อย
''นั่งอยู่ตรงนี้นานหรือยังครับ??'' เสียงทุ้มของผู้ชายคนหนึ่งเดินมา แล้วหยุดกล่าวทักฉันที่นั่งแกว่งชิงช้าอยู่
''อ๊ะ! คุณชินกิ..มาตั้งแต่เมื่อไรคะ??''
''มาตั้งแต่คุณยิ้มคนเดียวแล้วหล่ะครับ ^ ^ '' เขาคงเห็นพฤติกรรมโก๊ะๆเปิ่นๆของฉันหมดแล้วหล่ะมั้ง = =
''เอ่อ.....'' ฉันแก้ตัวไม่ถูก ก็ได้แต่ดำน้ำไป
''ฮะๆ คุณเป็นนักเขียน นามปากกา....Cabella..ใช่ไหมครับ??'' เขาถาม
''ใช่ค่ะ''
''คงต้องขอลายเซ็นคุณแล้วสินะครับ ผมเป็นแฟนคลับตัวยงเลยนะ คงไม่มีโอกาสไหนที่ไม่ดีเท่านี้แล้ว'' จริงหรอ ที่เขารู้จักฉันด้วยหรอ อา...เป็นเกียรติจังเลย
''ได้สิคะ ทำไมจะไม่ได้ ยิ่งเป็นคุณ ฉันเป็นเกียรติมากเลยค่ะ'' ฉันหยิบปากกาพร้อมที่จะให้ลายเซ็นเขา
''รบกวนด้วยนะครับ ฮะๆ'' เขาล้วงมือออกจากกระเป๋าพร้อมที่จะให้ฉันเซ็น
เขายื่นมือมาทางฉัน ฉันฉันจับมือเขาเพื่อได้สะดวกขึ้นกับการเซ็น แต่เขาก็ยังกำมืออยู่ ฉันพร้อมที่จะเซ็น เขาก็แบมือออก
.
.
.
.
ห๊ะ!
.
.
.มันไม่จริงๆใช่ไหม
.
.
.
.
.
.เขาแบมือออกมาพร้อมกับสร้อยรูปดวงดาว ทำจากโลหะเหมือนกับที่ฉันใส่อยู่ ฉันทำอะไรไม่ถูก น้ำตาที่กลั้นอยู่แทบจะไหลออกมา เขาคือเด็กผู้ชายคนนั้นใช่ไหม....
''ยังสิ่งนี้ได้อยู่หรือปล่าว...ดวงดาว'' เขาถามฉันพร้อมกับทั้งสองมือของเขากุมมือของฉันเอาไว้
''ที่ฉันไม่ได้มาบอกเธอด้วยตัวฉันเองเพราะ คุณแม่และคุณพ่อของฉันทำธุระเสร็จไวกว่ากำหนดเราต้องย้ายกลับไปอยู่ที่โซลเหมือนเดิม มันเป็นเรื่องเร่งด่วน ฉันจึงเขียนข้อความเอาไว้ เธอโกรธฉันอยู่หรอปล่าว ฉันเฝ้ามองเธออยู๋เหมือนเดิมนะ ฉันจึงสั่งดอกไม้ของคุณป้าอึนฮเยบ่อยๆเพื่อจะได้รู้ความเคลื่อนไหว ความเป็นอยู่ของเธอ ฉันเก็บผลงานของเธอทุกเล่ม รักษามันด้วยชีวิต...'' เขาอธิบายให้ฉันฟังทุกอย่าง ทำให้น้ำตาของฉันไหลออกอย่างไม่ทันตั้งตัว พระเจ้าคะ...ฉันรู้แล้วค่ะ ความรู้สึกนี้ เรื่องนี้ มันเริ่มจากความผูกพันของความเป็นเพื่อนเพิ่มพูนขึ้นมาให้รู้สึกๆดีต่อกันและกัน คุ้นเคยกัน พอเขาจากไปมันให้ชีวิตเราขาดบางอย่าง เหมือนอาหารที่เราชอบ ถ้ารสมันขาดหายไปบางอย่าง เราก็สามารถรู้สึกได้
'' การที่เราจะรักใครสักคน...ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลว่าทำไมเราจึงไปรักเขาได้ แต่ให้รู้ไว้ว่าทุกวันนี้เรารักเขาและต้องรักให้ดีที่สุด....'' เขาพูดบทความในนิยายของฉัน มันเป็นบทความของนิยายเรื่องแรกที่ฉันเขียนมา มันเป็นนิยามที่ทำให้ฉันนึกถึงเขาเสมอ.
''นี่มันเป็นความรักหรือปล่าว ที่เราสามารถรอใครซักคนได้นานขนาดนี้ คอยนึกถึง คอยห่วงใย คอยกังวล มากกว่าคนอื่น ทั้งๆที่ตัวเองรู้จักกับเขา อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน เราไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น การตัดสินใจจะเป็นแบบไหน ขอแค่ให้รู้อย่างหนึ่งว่า.....ฉันยังเหมือนเดิม...มั่นคงเหมือนเดิม....'' เราพูดพร้อมกัน บทความที่ฉันเขียนครั้งแรก เขายังจำมันได้ ฉันก็ยังจำได้
ฉันพูดอะไรไม่ออกได้แต่มองหน้าของชินกิ เขาดึงตัวฉันเข้าในกอดอย่างนุ่มนวลฉันกอดแผ่นหลังกว้างของเขาแน่นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลไป ฉันมันอ่อนแอจัง....
''มันคือความรัก.......ฉันกลับมาหาเธอแล้วนะ....ดวงดาวของฉัน....''
Writer talk :
เย้!!!!!!!!!! เสร็จแล้วนะคะ เรื่องสั้น(?)ของเปอร์ สีดูมึนสายตานิดนะ เหมือนจะบ่นมากกว่าเล่าเรื่องนะ555555555 อาจจะดูงงไปนิดนึงนะ สอบถามได้นะคะ ขอบคุณค่าาาาา
เรื่องที่กำลังจะเปิดตัวในเร็วๆนี้ ต้องคอยติดตามกันนะคะ คยูของน้องจะออกโรงเป็นเรื่องแรกเลยโฮะๆๆๆๆๆๆๆๆ สาวกไข่ม่วงต้องติดตามกันนนนนนนนน
มีอะไรสอบถามได้นะคะที่
twitter : @kyuhyun_1234
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น